สถาพร งามเรืองพงศ์ หรือ เซียนฮง นักลงทุนรายใหญ่ ซึ่งเป็นที่รู้จักในแวดวงนักลงทุนว่า “เซียนหุ้นอัจฉริยะ” พร้อมด้วยทนายความ เดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 เพื่อให้ดำเนินคดีกับมิจฉาชีพที่แอบอ้างได้นำชื่อ และรูปถ่าย ไปทำการตัดต่อเพื่อหลอกลวงประชาชนให้ร่วมลงทุนผ่านโซเชี่ยล พร้อมตั้งรางวัลนำจับรอบนี้ 150,000 บาท หลังจากที่ผ่านมามีผู้เสียหายถูกหลอกลงทุนไปแล้วหลายสิบล้านบาท
เซียนฮง กล่าวว่า “จากที่ก่อนหน้านี้เคยมีกรณีของประชาชน นักลงทุน หลงเชื่อจากการที่มิจฉาชีพเอาชื่อและรูปถ่ายของผมไปแอบอ้างทางเพจ Facebook ก่อนที่จะส่งต่อช่องทางผ่านไลน์ โดยอ้างว่า มีการแนะนำหุ้นรายวันๆ ละ 3 ตัว ในกลุ่มไลน์ และเมื่อเข้าไปในกลุ่มไลน์ก็จะชักชวนให้มีการเปิดพอร์ตไปลงทุนในต่างประเทศ ทำให้เกิดการสูญเสียทรัพย์หลายสิบล้านบาท”
“ล่าสุดเมื่อ 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมา ทางมิจฉาชีพได้นำชื่อ และรูปถ่ายของผมมาโฆษณาผ่านทางเพจ Facebook อีก เพื่อหลอกลวงให้นักลงทุนเข้ามาร่วม ซึ่งโดยส่วนตัวผมไม่เคยมีการเปิดไลน์เพื่อให้คำแนะนำการลงทุนใดๆ ผ่านสื่อออนไลน์ (เพจ Facebook) รวมถึงในไลน์กรุ๊ป หากพบเห็นการดำเนินการดังกล่าว ขอยืนยันว่าไม่ใช่ตนเองอย่างแน่นอน เพราะในไลน์ส่วนตัวของตนนั้นไม่มีการใช้รูปภาพของตัวเอง และไม่มีการเปิดไลน์กรุ๊ปแต่อย่างใด”
เซียนฮงได้กล่าวต่อไปอีกว่า “มีญาติและเพื่อนมาบอก จึงได้ทดลองแอดเข้ากลุ่มไลน์มิจฉาชีพที่แอบอ้าง ก็พบว่า คนในกลุ่มไลน์ส่วนใหญ่จะเป็นหน้าม้าของทางมิจฉาชีพ ซึ่งจริงๆแล้วมีผู้เสียหายในห้องไลน์นั้นๆไม่กี่คน แต่จะมีกลุ่มไลน์หลายกลุ่ม บอกหุ้นมั่ว และยังมีการชวนไปเปิดพอร์ตต่างประเทศผ่านนายหน้า ที่ให้ผลตอบแทนสูง ผมกลัวว่าครั้งนี้จะเกิดความเสียหายมากกว่าปีก่อน ผมจึงอยากเตือนประชาชนและผู้ลงทุนอย่าได้หลงเชื่อเพจปลอมดังกล่าว”
โดยส่วนตัวของเซียนฮงเอง อยากให้ทางภาครัฐ ช่วยให้เกิดการปฏิรูปการยิงโฆษณาผ่านเฟชบุ๊กและสื่อออนไลน์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อคนไทยและเศรษฐกิจไทย โดยการยิงโฆษณาควรจำเป็นต้องมีการตรวจสอบยืนยันตัวตนว่าเป็นบุคคลนั้นจริงๆ เช่น การยืนยันใบหน้าของคนที่ถูกนำไปโฆษณา ต้องตรงกับเจ้าของบัญชีตัวจริง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพราะที่ผ่านมาหากเป็นเซิร์ฟเวอร์ ยิงโฆษณามาจากต่างประเทศและตามชายแดน ยังไม่สามารถติดตามจับมิจฉาชีพได้เลยหรือตามจับได้ แต่ใช้ระยะเวลานานจนเกิดความเสียหายเป็นวงกว้างไปแล้ว
“ในยุคโซเชียลก้าวไกล จึงเป็นอีกช่องทางที่ทำให้มิจฉาชีพทำการหลอกลวงให้นักลงทุน ลงทุนเป็นจำนวนมาก ถ้ามีคำแนะนำการลงทุนใดๆ ผ่านสื่อออนไลน์ (เพจ Facebook) รวมถึงในไลน์กรุ๊ปดังกล่าว ขอยืนยันว่าไม่ใช่ผมอย่างแน่นอน เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข่าวอย่างทั่วถึงและไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพจากการหลอกลวงในลักษณะดังกล่าว จึงอยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบจริงจังกับมิจฉาชีพที่มาหลอกลวง”
เซียนฮง ยังทิ้งท้ายไว้ว่า “สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วง 1-2 ปีข้างหน้า ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก นักลงทุนควรให้ความสำคัญกับธุรกิจที่มีกระแสเงินสดและงบดุลเป็นหลัก เลี่ยงการลงทุนในหุ้นที่มีหนี้สูง เนื่องจากดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นโดยส่วนตัวโฟกัสเป็นหุ้นรายตัวมากกว่า โดยเลือกลงทุนหุ้นที่แกร่งที่สุดในอุตสาหกรรม เมื่อตลาดพลิกกลับเป็นขาขึ้น หุ้นเหล่านี้จะปรับตัวขึ้นก่อน”