
จากซ้ายไปขวา: นางคริสติน่า แอนวิค ลีช กรรมการผู้จัดการ บริษัท โจตันไทย จำกัด, นางอัสตริด เอมีลี เฮลเล เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรนอร์ เวย์ประจำประเทศไทย, นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, นายเอคเซล บลอม ประธานหอการค้าไทย-นอร์เวย์,นางกลอยตา ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา หอการค้าไทย-นอร์เวย์ได้จัดเวทีเสวนาภายใต้หัวข้อ ‘Brand Norway in Thailand – Norwegian Sustainability Business Ethics’ ณ โรงแรมอมารี กรุงเทพฯ โดยรวบรวมผู้นำจากภาคธุรกิจ การศึกษา และภาครัฐมาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับความยั่งยืนและจริยธรรมทางธุรกิจ งานนี้จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและนอร์เวย์ในโอกาสครบรอบ 120 ปี และมุ่งเน้นการส่งเสริมหลักปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) รวมถึงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (SDGs) ในบริบทธุรกิจยุคปัจจุบัน
นางอัสตริด เอมีลี เฮลเล (H.E. Mrs. Astrid Emilie Helle) เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรนอร์เวย์ประจำประเทศไทย กล่าวเปิดงาน โดย เน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและธรรมาภิบาลในภาคธุรกิจเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางด้านเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับความก้าวหน้าทางสังคมและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ นอร์เวย์ได้ออกกฎระเบียบที่กำหนดให้ภาคธุรกิจต้องปฏิบัติตามแนวทางขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ซึ่งจะต้องดำเนินการตรวจสอบความโปร่งใสและความรับผิดชอบตลอดทั้งวัฎจักรของสินค้าและบริการ ไม่ว่าจะเป็นภายในหรือนอกประเทศนอร์เวย์ โดยนอร์เวย์พร้อมให้การสนับสนุนประเทศไทยบนเส้นทางสู่การเป็นสมาชิก OECD
นอกจากนี้ นางเฮลเล ยังกล่าวถึง ข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างประเทศไทยกับกลุ่มประเทศ-เอฟตา (Thailand-EFTA (FTA) ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการกระชับความสัมพันธ์ด้านการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศ โดยข้อตกลงนี้ ครอบคลุมข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม สภาพภูมิอากาศ สิทธิแรงงาน และความเท่าเทียม
ในโอกาสครบรอบ 120 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและนอร์เวย์ เอกอัครราชทูตนอร์เวย์ได้ย้ำถึงความร่วมมืออันแน่นแฟ้นที่ทั้งสองประเทศมีต่อกันบนพื้นฐานของความมุ่งมั่นต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตและความร่วมมือในอนาคต
นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวปาฐกถาพิเศษ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของประเทศไทยต่อหลักการด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) รวมถึงแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน โดยการบรรยายในหัวข้อ “ความมุ่งมั่นของไทยต่อ ESG และอนาคตที่ยั่งยืน” เขาได้เน้นย้ำถึง ความสำคัญของเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และแนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ-หมุนเวียน-สีเขียว (BCG Model) ว่าเป็นกลยุทธ์หลักในการขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน “ประเทศไทยมุ่งมั่นพัฒนาเศรษฐกิจที่ให้ความสำคัญทั้งความยั่งยืนและนวัตกรรมควบคู่กันไป แนวคิด BCG มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการผลิตที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และการพัฒนานวัตกรรมสีเขียวในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ” นายพงศ์พลกล่าว
เสวนาเปิดมุมมองเชิงลึก สู่แนวทางปฏิบัติด้านความยั่งยืน
เวทีอภิปรายครั้งนี้ประกอบด้วยสองหัวข้อหลัก ที่นำเสนอแนวทางปฏิบัติได้จริง ผ่านมุมมองจากผู้นำในแวดวงธุรกิจและความยั่งยืน

เสวานาเวทีแรกจากซ้ายไปขวา: นางสาวเอวา ไฮเดอร์ ผู้ประสานงานฝ่ายขายและการตลาดด้านสิ่งแวดล้อม จาก Starboard, นายโยฮัน มาร์ ติน เซแลนด์ หัวหน้าฝ่ายความยั่งยืน จาก Telenor Asia, นางกลอยตา ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร จาก บริษัท บางจาก คอร์ ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), นายมาร์ติน เฟ็นสกี้-สตาล์ลิ่ง ประธานคณะกรรมการด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDC) ของหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย (JFCCT)
เสวนาแรกเปิดเวทีด้วยหัวข้อ“การเชื่อมโยงค่านิยม: ความร่วมมือระหว่างนอร์เวย์-ไทยเพื่อการเติบโตอย่างมีจริยธรรม” เสวนานี้มุ่งเน้นถึง ค่านิยมร่วมกันระหว่างนอร์เวย์และไทยในการส่งเสริมแนวปฏิบัติทางธุรกิจที่ยึดมั่นในหลักจริยธรรม โดยมีตัวแทนจาก บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) Telenor Asia และ Starboard ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับ การผสานแนวคิดความยั่งยืนเข้ากับกลยุทธ์องค์กร เพื่อสร้างความสำเร็จในระยะยาว โดยมี นายมาร์ติน เฟ็นสกี้-สตาล์ลิ่ง (Mr. Martin Venzky-Stalling) ประธานคณะกรรมการด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDC) ของหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย (JFCCT) เป็นผู้ดำเนินรายการ
ในระหว่างการเสวนา นางกลอยตา ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กรจาก บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ย้ำชัดในงานเสวนาถึงความมุ่งมั่นของบางจากฯ ในการขับเคลื่อนความยั่งยืนและแนวทางแก้ไขปัญหาพลังงานอย่างมีความรับผิดชอบ “ที่บางจากฯ ความยั่งยืนไม่ใช่เพียงเป้าหมายที่เราต้องไปให้ถึง แต่เป็นรากฐานของกลยุทธ์ทางธุรกิจของเรา การที่บางจากฯ ลงทุนในประเทศนอร์เวย์ โดยเฉพาะผ่านความร่วมมือกับ OKEA สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการพัฒนาโซลูชันด้านพลังงาน ควบคู่ไปกับการส่งเสริมนวัตกรรมและเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานในระยะยาวอย่างมีความรับผิดชอบ ความร่วมมือข้ามพรมแดนครั้งนี้ไม่เพียงเปิดโอกาสให้เราพัฒนาแหล่งพลังงานสะอาดอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น แต่ยังช่วยให้เราได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้จากความเชี่ยวชาญของนอร์เวย์ในการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืนที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในตลาดศักยภาพสูงทั่วภูมิภาคเอเชีย และช่วยเสริมแนวทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม พร้อมต่อยอดไปสู่การพัฒนาโครงการพลังงานที่ยั่งยืนในระดับภูมิภาค ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของไทยและนอร์เวย์ อีกทั้งยังเป็นก้าวสำคัญสู่อนาคตสังคมคาร์บอนต่ำอย่างแท้จริง”
ด้านนายโยฮัน มาร์ติน เซแลนด์ (Mr. Johan Martin Seland) หัวหน้าฝ่ายความยั่งยืนจาก Telenor Asia ชี้ให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของเทคโนโลยีในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในภาคอุตสาหกรรม นางสาวเอวา ไฮเดอร์ (Ms. Ava Hider) ผู้ประสานงานฝ่ายขายและการตลาดด้านสิ่งแวดล้อมจาก Starboard เธอกล่าวเสริมว่าภาคธุรกิจมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมผ่านแนวปฏิบัติที่ถูกต้องตามหลักจริยธรรมและมีความรับผิดชอบ

เสวานาเวทีที่สองจากซ้ายไปขวา: นายเบด้า แมร์ เคลบัค รองประธานอาวุโสประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท ยารา, นายพงศ์สิน เทพเรืองชัย ผู้จัดการฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์และกิจการสาธารณะ (ประเทศไทย) บริษัท ยารา, นางสาวเซียว เม อู๋ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท โจตันไทย จำกัด, นางคริสติน่า แอนวิค ลีช กรรมการผู้จัดการ บริษัท โจตันไทย จำกัด, นายวิชาล มอร์ ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท โจตันไทย จำกัด, นางวีเบ็คก้า ลิสซานด์ เลร์ว็อก ประธานหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย (JFCCT)
ต่อด้วยเวทีเสวนาที่สองในหัวข้อ “จากวิสัยทัศน์สู่การปฏิบัติ: แผนกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน” เปิดมุมมองจากกรณีศึกษาจริงของ Jotun Thailand และ Yara ซึ่งเผยกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนแนวทาง ESG ให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม การเสวนาดำเนินรายการโดย นางวีเบ็คก้า ลิสซานด์ เลร์ว็อก (Mrs. Vibeke Lyssand Leirvåg) ประธานหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย (JFCCT) ซึ่งเน้นย้ำแนวทางที่ช่วยให้ภาคธุรกิจสามารถเปลี่ยนแนวคิดด้านความยั่งยืนให้กลายเป็นการปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
นางคริสติน่า แอนวิค ลีช (Mrs. Kristine Anvik Leach) กรรมการผู้จัดการบริษัท โจตันไทย จำกัด เผยถึงความมุ่งมั่นของ Jotun ในการขับเคลื่อนความยั่งยืน “Jotun มุ่งมั่นบูรณาการแนวคิดความยั่งยืนเข้าสู่ทุกมิติของการดำเนินงาน ตั้งแต่การพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ไปจนถึงการบริหารจัดการซัพพลายเชนอย่างมีความรับผิดชอบ ในประเทศไทย เราดำเนินงานสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้ง 17 ข้อของ UN ผ่านการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ใช้กระบวนการผลิตที่ประหยัดพลังงาน พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีปริมาณสารระเหยต่ำ (low VOC) รวมถึงสีเคลือบเรือที่ช่วยลดการใช้เชื้อเพลิง ซึ่งล้วนมีส่วนสำคัญในการรักษาสิ่งแวดล้อมทางทะเล นอร์เวย์และไทยต่างมีเป้าหมายร่วมกันในการเติบโตอย่างยั่งยืน และเราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือนี้” พร้อมกันนี้ นายวิชาล มอร์ (Mr. Vishal More)ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการบริษัท โจตันไทย จำกัด และ นางสาวเซียว เม อู๋ (Ms. Hsiao Mae Wu) ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของบริษัท โจตันไทย จำกัด ทั้งสองท่านได้กล่าวเสริมถึงแนวทางของบริษัทในการส่งเสริมแนวปฏิบัติทางธุรกิจที่ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย การส่งเสริมความหลากหลาย และการบริหารจัดการองค์กรอย่างโปร่งใส
นายเบด้า แมร์ เคลบัค (Mr. Beda Merkelbach) รองประธานอาวุโสประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท ยารา และ นายพงศ์สิน เทพเรืองชัย ผู้จัดการฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์และกิจการสาธารณะ (ประเทศไทย) แสดงเจตนารมณ์ของ Yara ในการส่งเสริมเกษตรกรรมที่ยั่งยืน ผ่านนวัตกรรม ความร่วมมือ และการสนับสนุนเกษตรกรให้เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต นอกจากนี้ Yara ยังทำงานร่วมกับภาครัฐและสมาคมต่างๆ เพื่อส่งเสริมนโยบายที่คำนึงถึงความท้าทายในทางปฏิบัติ ช่วยให้เกษตรกรได้รับประโยชน์จากแนวทางเกษตรกรรมที่ยั่งยืน และขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมเกษตรในระยะยาว
นอกจากนี้หนึ่งในไฮไลต์ของงานคือกิจกรรมเวิร์กช็อป “Building Sustainable Futures Through Collaboration” นำโดย คุณมาร์ติน เฟ็นสกี้-สตาล์ลิ่ง ในส่วนของกิจกรรม “2030 SDGs Game” ได้กระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมได้มีโอกาสทำงานร่วมกันเพื่อระดมความคิดและหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่จะช่วยขับเคลื่อนความยั่งยืนในธุรกิจ การทำกิจกรรมนี้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้พัฒนาแผนกลยุทธ์ที่เป็นรูปธรรมและสามารถนำไปใช้ได้จริงในการจัดการกับความท้าทายในการนำแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนมาปรับใช้ในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย

นายเอคเซล บลอม ประธานหอการค้าไทย-นอร์เวย์ กล่าวสรุปการอภิปรายในงาน
ในช่วงท้ายของงาน นายเอคเซล บลอม (Axel Blom) ประธานหอการค้าไทย-นอร์เวย์ ได้กล่าวสรุปว่าการอภิปรายในวันนี้ได้ตอกย้ำถึง ความร่วมมือที่แข็งแกร่งระหว่างนอร์เวย์และไทย ในการขับเคลื่อนแนวทางความยั่งยืนให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น พร้อมทั้งกล่าวถึง ข้อตกลงเขตการค้าเสรีไทย-EFTA (Thailand-EFTA Free Trade Agreement – FTA) ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นการค้าการลงทุนที่ยั่งยืนระหว่างไทยและกลุ่มประเทศในสมาคมการค้าเสรียุโรป (EFTA) โดยสนับสนุนให้เกิดการขยายตัวของธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม สำหรับทิศทางในอนาคต นายบลอมส่งเสริมให้ภาคธุรกิจเดินหน้าบูรณาการหลักการ ESG (Environmental, Social, and Governance) เข้ากับกลยุทธ์องค์กร เพื่อให้เกิดการเติบโตที่มั่นคงและสร้างผลกระทบเชิงบวกในระยะยาว เขายังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการส่งเสริม โครงการความร่วมมือทวิภาคี การแบ่งปันองค์ความรู้ และการร่วมลงทุนในธุรกิจที่ขับเคลื่อนแนวคิดด้านความยั่งยืน เพื่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ
ความสำเร็จของเวทีเสวนาในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างภาคธุรกิจของไทยและนอร์เวย์ ซึ่งต่างมี วิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นร่วมกันในการผลักดันความยั่งยืนและมาตรฐานจริยธรรมทางธุรกิจ ให้แข็งแกร่งขึ้นในภูมิภาคเอเชีย ตอกย้ำถึงบทบาทของทั้งสองประเทศในการเป็นผู้นำด้านธุรกิจที่คำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม