ลีวายส์® เปิดตัวแคมเปญระดับโลก “BUY BETTER. WEAR LONGER.” ตอกย้ำความเป็นผู้นำแห่งแฟชั่นยั่งยืน พร้อมทั้งกิจกรรม Jeans Go Green รีไซเคิลยีนส์ยั่งยืน ต้อนรับวันคุ้มครองโลก
ลีวายส์® ตอกย้ำความเป็นผู้นำแห่งแฟชั่นยั่งยืน เปิดตัวแคมเปญระดับโลก “Buy Better. Wear Longer.” นำเสนอแรงบันดาลใจ ชวนริเริ่มและสานต่อด้วยการ สนับสนุนการเลือกซื้อเพื่อสิ่งที่ดีกว่า เลือกสรรผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเพิ่มอายุการใช้งานของเสื้อผ้าที่ยาวนานยิ่งกว่า ซึ่งจะช่วยลดการซื้อ ลดปริมาณขยะ และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดียิ่งขึ้นกับโลกใบนี้ ลีวายส์® ได้ถ่ายทอดแรงบันดาลใจของความรับผิดชอบต่อสังคม ต่อสิ่งแวดล้อมของการผลิตและการบริโภคเครื่องแต่งกายจากกลุ่มผู้สร้างการเปลี่ยนแปลง (Changemakers) ได้แก่ Jaden Smith, Xiye Bastida, Melati Wijsen, Xiuhtezcatl, Emma Chamberlain และ Marcus Rashford โดยแคมเปญนี้ได้ร่วมส่งเสริมโดยเผยแพร่พร้อมกันทั่วโลก เพื่อหวังว่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนและชักชวนให้คนรุ่นใหม่ผู้ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการส่งต่อข้อความสำคัญสู่รุ่นถัดไป
Jaden Smith
นอกจากนี้ลีวายส์® ประเทศไทย ยังได้เปิดตัวกิจกรรม Jeans Go Green “รีไซเคิล ยีนส์ยั่งยืน” ภายใต้แคมเปญดังกล่าวเพื่อชวนเหล่าแฟนๆ มาต่อชีวิตกางเกงยีนส์ตัวเก่า สร้างคุณค่าให้กับยีนส์ตัวโปรดให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง โดยสามารถร่วมกิจกรรมที่ ร้านลีวายส์® ทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
Emma Chamberlain
ลีวายส์® ผู้ริเริ่มแคมเปญเพื่อสังคมมานานหลายทศวรรษ ไม่ว่าจะเป็นด้านความเท่าเทียมกันในสังคม การทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม รวมถึงแคมเปญที่ทำขึ้นมาเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยแคมเปญล่าสุด “Buy Better. Wear Longer.” นั้น ลีวายส์® ต้องการสื่อสารไปยังเหล่าเจเนอเรชั่นใหม่ที่ยึดมั่นในอุดมการณ์และใส่ใจสิ่งแวดล้อมพร้อมส่งต่อหัวใจสำคัญไปสู่รุ่นถัดไป เพื่อรณรงค์การสวมใส่แฟชั่นยั่งยืนอย่างแท้จริง เลือกสิ่งที่ดีกว่า เพื่อการสวมใส่เสื้อผ้าตัวโปรดได้นานยิ่งขึ้น และนำไปสู่การลดขยะ ลดภาวะโลกร้อนในที่สุด
Marcus Rashford
แคมเปญ “Buy Better. Wear Longer.” ถือเป็นอภิมหาโปรเจคในปี 2021 ที่ต่อยอดจากความตั้งใจ และทำอย่างต่อเนื่องของลีวายส์® ในการขับเคลื่อนเพื่อนำไปสู่ แฟชั่นที่ยั่งยืนมากขึ้น กระบวนการผลิต การฟอก การทำสี รวมถึงขยะจากฟาสแฟชั่นที่มาไวไปไว ก่อให้เกิดเป็นขยะในอนาคตจำนวนมหาศาล ฉะนั้นลีวายส์® จึงได้รังสรรค์นวัตกรรมแฟชั่นรักษ์โลก โดยครอบคลุมทั้งสายการผลิต ตั้งแต่การเฟ้นหาวัตถุดิบ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อาทิเช่น Cottonized Hemp (ผ้าใยกัญชงผสมฝ้าย), Organic Cotton รวมไปถึงได้ริเริ่มชวนยืดอายุให้กับยีนส์ตัวโปรด เพื่อให้ได้มาซึ่งแฟชั่นที่ยั่งยืน ทั้งนี้ลีวายส์® ยังกำหนดเป้าหมายในการลดการสร้างมลพิษและลดภาวะโลกร้อน ในปี 2025 อย่างชัดเจน ตั้งแต่การเฟ้นหาวัตถุดิบจวบจนพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ อาทิ Water>LessTM ซึ่งเป็นนวัตกรรมผลิตยีนส์น้ำน้อยที่ลีวายส์® คิดค้นและทำขึ้นอย่างจริงจังตั้งแต่ปี 2011 จนปัจจุบัน เพื่อให้ประหยัดน้ำจาก 3.5 เป็น 4.2 พันล้านลิตร และการนำน้ำที่เสียจากการผลิตยีนส์ผ่านกระบวนการบำบัดกลับมารีไซเคิลจาก 5 เป็น 9.6 พันล้านลิตร อีกทั้งการเลือกใช้วัตถุดิบเพื่อความยั่งยืนกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ มาเป็นวัตถุดิบพื้นฐานในการผลิต และ 65 เปอร์เซ็นต์ของผลิตภัณฑ์ต้องถูกผลิตขึ้นจากคนงานที่อยู่ในระบบ Worker Well-being ซึ่งได้รับการคุ้มครองที่ดี มีสิทธิขั้นพื้นฐานและความเท่าเทียมในการทำงาน รวมถึงโครงการนี้ยังดูแลครอบคลุมถึงการดูแลสภาพแวดล้อมและสิ่งแวดล้อมนวัตกรรมอีกด้วย
Melati Wijsen
“เราตระหนักดีว่าการผลิตและการบริโภคแฟชั่นอยู่ในระดับที่ไม่ยั่งยืน โดยจะเห็นจากสถิติระหว่างปี 2548 ถึง 2563 การบริโภคเสื้อผ้าทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เสื้อผ้าล้นตู้ สวมใส่แต่ละชิ้นไม่กี่ครั้ง และทิ้งมันไปในที่สุด ทำอย่างไรให้เราสามารถเก็บเสื้อผ้าเกินครึ่งของตู้เสื้อผ้าได้นานเหมือนที่เราเคยทำได้เมื่อ 15 ปีที่แล้ว ซึ่งนี่คือเหตุผลที่เรารวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้ “Buy Better. Wear Longer.” เริ่มต้นจากตัวคุณ” “เสื้อผ้าของลีวายส์® คุณจะสัมผัสได้ถึงความแตกต่าง ที่มอบทั้งความทนทานสวมใส่ได้หลายชั่วอายุคนและมีคุณค่าทางจิตใจ เพราะมันคือยีนส์ตัวโปรดที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมากับคุณ มันเก็บเรื่องราวและความทรงจำดีๆไว้มากมาย เราจึงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอแฟชั่น ที่เน้นเรื่องคุณภาพและการออกแบบเพื่อคุณค่าที่ยั่งยืน” – Paul Dillinger รองประธานฝ่ายนวัตกรรมผลิตภัณฑ์
Xiye Bastida
ทั้งนี้เนื้อหาของแคมเปญ “Buy Better. Wear Longer.” ถูกถ่ายทอดผ่านหนังสั้นที่ได้รวบรวมผลงานของ 6 นักเคลื่อนไหว (Changemakers) ผู้มีอุดมการณ์อันแน่วแน่ในการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นให้กับโลกใบนี้ ซึ่งสามารถสะท้อนความมุ่งมั่นของลีวายส์® ที่ต้องการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนของวงการแฟชั่นได้อย่างตรงจุด อาทิ Jaden Smith นักคิดผู้มีวิสัยทัศน์เดียวกันกับลีวายส์ , Emma Chamberlain หญิงสาว Youtuber ชื่อดัง ผู้ชื่นชอบแฟชั่นและการ DIY ,Marcus Rashford นักฟุตบอลชาวอังกฤษ ปัจจุบันเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด , Melati Wijsen สาวน้อยลูกครึ่งเนเธอร์แลนด์-อินโดนีเซีย วัย 20 ปี ผู้ร่วมก่อตั้ง Bye Bye Plastic Bags องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรที่ขับเคลื่อนโดยเยาวชนที่ไม่ใช้พลาสติก , Xiye Bastida เป็นนักเคลื่อนไหวด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ , Xiuhtezcatl นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม นักเขียน และศิลปินฮิปฮอปที่ใช้ดนตรีเล่าเรื่อง
Xiuhtezcatl
“ท้ายที่สุดแล้วยีนส์ Levi’s® ถูกออกแบบมาให้สวมใส่ได้หลายชั่วอายุคนไม่ใช่ฤดูกาล ดังนั้นเราจึงใช้แคมเปญนี้เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคมีความตั้งใจมากขึ้นเกี่ยวกับการเลือกเครื่องแต่งกายของพวกเขาเช่นสวมใส่สินค้าแต่ละชิ้นให้นานขึ้น”
และเพื่อสานต่อแนวคิดความยั่งยืนอย่างไม่หยุดยั้ง มาตลอดหลายสิบปี ลีวายส์® ประเทศไทย ยังจัดกิจกรรม Jeans Go Green “รีไซเคิล ยีนส์ยั่งยืน” ต้อนรับวัน คุ้มครองโลก (Earth Day) ชวนเหล่าแฟนๆ ร่วมต่อชีวิตกางเกงยีนส์ตัวเก่า สร้างคุณค่าให้กับยีนส์ตัวโปรดให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง โดยสามารถนำยีนส์เก่ามาสร้างคุณค่าพร้อมรับส่วนลด 30 เปอร์เซ็นต์ และอีกหนึ่งกิจกรรมดีๆ จากโครงการ Jeans Go Green นี้ ลีวายส์® ร่วมส่งต่อแนวคิด ที่สุดแห่งแฟชั่นยั่งยืนด้วยการมอบ Levi’s® Upcycling Tote Bag เมื่อซื้อลีวายส์® ครบ 3,500 บาท (สุทธิ)ได้ที่ร้านลีวายส์® ทุกสาขา หรือ เมื่อช้อปออนไลน์ ซื้อกางเกงยีนส์ 2 ตัว รับฟรีกระเป๋า Upcycling สุดลิมิเต็ด มูลค่า 990 บาท จำนวน 1 ใบ ซึ่งกระเป๋า Upcycling นี้ มีความ Limited และคุณค่าทุกประการที่ควรมี ด้วยทั้งการผลิตผ่านกรรมวิธี upcycling ที่ทำให้มีเอกลักษณ์เฉพาะใบ และแน่นอนคุณค่าที่แต่ละคนจะได้รับผ่านการร่วมกิจกรรม Jeans Go Green ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนถึง 19 พฤษภาคม 2564